ก่อนจะเดินทางนี่เป็นอะไรที่ฉุกละหุกมาก ไม่มีการเตรียมพร้อมเลย ครั้งนี้ทำได้แค่จะไปที่ไหน ร้านชื่ออะไร ส่วนการเดินทางไปยังไง ออก MRT ทางออกไหน แพลนหน่ะ เหรอ อย่างหวัง มัวสุด จนกูเกิ้ลแมพยังหลงทิศหลงทางเลยค่ะซิส

ฝนตกไม่เป็นอุปสรรคสำหรับการเที่ยวของเราเลย เพราะฝนมักจะตกช่วงเช้า พอสายๆก็หยุดตก พวกเราตื่นสาย ออกจากที่พักไปเผชิญโลกก็นู้นน สิบโมงสิบเอ็ดโมง ฝนหยุดตกพอดี
บอกไว้ก่อนว่าข้อมูลของแต่ละทีก็อาศัยจากรีวิวในเพจเฟสบุ๊ค หรือ พันทิป blogger หรือตาม IG ไม่ได้กูรูที่แท้จริงแต่อย่างใด
จะเล่าแบบเป็นสถานที่ๆ แต่ละย่านโดยไม่เรียงลำดับวันที่ไป
.
ย่าน Sheung Wan / Central

ร้านนี้เป็นย่านแบบบ้านคนหน่อยๆ มีร้านค้าเฟ่ ค่อนข้างจะเยอะเลยทีเดียว เงียบเดินสบาย คนไม่พลุกพล่าน ต่างจากโซนช็อปปิ้งอย่างสิ้นเชิง ถ้าใครชอบวิถีแบบช้าๆ ก็น่าจะชอบ ต้องเดินขึ้นเขา ลงเขาหน่อยๆ
PMQ : Design / Creative

ที่นี่เคยเป็นแฟลตตำรวจมาก่อน ที่จะดัดแปลงทำเป็นที่รวมร้าน select shop มีประมาณ 5 ชั้น ล้วนเป็นร้านขายของจุกจิก ดีไซน์อาร์ต ของประเภทที่เราเสียเงินได้ง่ายๆ อะ เช่น ถุงผ้าใบละพันกว่าบาท (กิ๊บก็คิดนะว่า ถ้ากิ๊บเก็บเงินไว้ไม่ซื้อถุงผ้าและเก็บเงินเพิ่มอีก 3 ล้านก็ซื้อบ้านได้ 1 หลังแล้ว เลยตัดสินใจไม่ซื้อถุงผ้าค่ะ #วางแผนอนาคตชีวิต) เท่าที่เดินดูเจ้าของร้านแต่ละร้านดูอินดี้ เหมือนเปิดร้านขายของเอาสังคม ชิวๆ โนสนโนแคร์ 55 มีร้าน kapok ก็มีเหมือนกับที่สิงคโปร์เลย
มีชั้นใต้ตินด้วย เราก็แบบเหยยย ต้องลงไปดูหน่อย ว่ามีอะไร


ข้างหลัง PMQ มีร้านคาเฟ่ซึ่งร้านดัง
ABERDEEN STREET SOCIAL CAFE :

จากที่อ่านจากรีวิวต่างๆ ล้วนบอกว่า ร้านนี้คนเยอะลืม มาแล้วแทบไม่มีที่นั่งเลยนะแกรงี้ แต่วันที่เราไป...


ที่นั่งว่างมากจริงๆ หรือเราไปวันฝนตก หรือว่าเช้าไป แต่จะด้วยเหตุผลอะไรที่คนน้อยก็ช่างมันเถอะเนาะ
ใกล้ๆ ที่นี่มีร้าน LITTLE PAO ด้วย แต่วันที่เราไปร้านยังไม่เปิด แต่ละวันเวลาเปิด-ปิด จะไม่เหมือนกันนะจ๊ะ น้องเบื่อตรงนี้ อดกินเลย แต่ร้านเค้าเพิ่งมาเปิดที่ไทยด้วยแหละ ต้องไปลิ้มลองให้ได้ เอาเส่มาถึงฮ่องกงกลับไม่ได้กิน ต้องไปกินสาขาที่ไทยอะ คิดดูวววว ความนก
Classified Cafe :
ร้านนี้มีสาขาอยู่หลายที่ในฮ่องกงนะ เหมือนมีจะมีสาขาอยู่ในทุกๆ ย่านเลย



.
เดินเล่นไปเรื่อยๆ ชิวๆ แบบเดิน 2-3 กิโลอะค่ะ เดินไปเปิดกูเกิ้ลแมพไปด้วย และอิสองคนนี้ก็หลงทิศตลอด จะต้องเดินไปซ้ายหรือขวา เดินหมุนรอบทิศจน คนแถวนั้นคง งง อะ มึงสองคนเล่นไรกัน ?

ระหว่างเดินตามหาร้าน Tea Kha ก็เดินไปถ่ายรูปกันไประหว่างทาง กับอิแค่ถนนเส้นนึงก็ถ่ายรูปได้เป็นเป็นร้อย 55






คำว่า SLOW ที่พิมพ์ไปถนนในฮ่องกง นี่ไร้ตัวตนมาก ไม่ต่างอะไรกับทางม้าลายในไทยเลยค่ะ ร้องห้ายยยยยยยยยยยย
ย่านนี้เราต้องเดินขึ้นเขาเยอะพอสมควร บันไดบางอันนี่ชันมากจริงๆ เห็นแล้วก็ท้อใจเหมือนกัน 😂





ไม่รู้จะอธิบายย่านนี้อย่างไรดี มันมีความหลากหลายทางชีวภาพมากๆ อะ คือระหว่างเดิน เราจะเจอคนทุกเพศ ทุกวัย ฝรงฝรั่งก็มากอยู่ ความอินดี้ก็มี ความเป็นฮ่องกงก็มี ร้านคาเฟ่นี่เพียบจริง ขอยกให้เป็นย่านเกรดเอของฮ่องกง
tea kha :




ร้านขายชาที่มีหลายสาขาเช่นกัน ก็คงก็ดังอยู่ มีชาจากหลายๆ ประเทศ เช่นญี่ปุ่น บังคลาเทศ อะไรยังงี้ มีทั้งชาใส กับชาแบบผสมนม ในร้านมีที่นั่งน้อยมากกกกกกกกกกก
ถ้าในร้านที่นั่งเต็มก็นั่งข้างนอกได้ มีที่นั่งเฟี้ยวๆ แบบนี้ แต่ไปช่วงหน้าฝนซึ่งอากาศมันร้อนไง ก็คงไม่เหมาะให้ชิลสักเท่าไหร่
Lof10 :
เดินผ่านหน้าร้านเฉยๆ เพราะกินมาอิ่มมาก ไม่สามารถจะต่อด้วยกาแฟได้อีกจริงๆ

NOSH : คาเฟ่อีกหนึ่ง
บอกแล้วนะคะ ว่าย่านนี้มันแหล่งคาเฟ่จริงๆ

ระหว่างเดินกลับเจอโบส์นี้ด้วย
เราอยู่ในย่านที่มันสบาย ชิลกันมามากเกินไปแล้วค่ะ ไปต่อกับย่านเดียวกันแต่มีความพลุกพล่านจอแจกันให้สมกับความฮ่องกงหน่อยค่ะ


ส่วนที่เป็นห้าง ไม่ว่าจะทีไหนๆ ก็คนเยอะไปหมด ทุกอย่างต้องเร่งรีบ เดินก็ต้องรีบ เพราะอิคนข้างหลังนี่ถ้ามันก้าวข้ามหัวนี่ไปได้มันทำแล้วค่ะ 555
ด้วยฟามที่จีซู นายแบบเกาหลีก็มาฮ่องกงไง และเค้าก็มาถ่ายรูปกับพนังตรงนี้ กับคำว่า FROG KING ค่ะ จินดานางก็อยากถ่ายบ้าง

ละดูเอาเถอะ ความคนเยอะ เดินกันเป็นสายตลอดเวลา กว่าจะถ่ายจินดาอยู่ในเฟลมแบบโล่งๆ ได้ กดรัวเกือบร้อยรูป 5555555555555
ดูๆๆ เปรียบเทียบรูปของเขาและเธอ ความห่างของช่วงหัวกับคำว่า FROG KING น้านนนน ห่างไกลเหลือเกินค่ะจินดา
ร้านขายผักแบบออแกนิค vs ร้านขายผักของป้า



Tai Cheong Bakery :
ความดีงามของที่นี่คือ การได้กินทาร์ตไข่ฮ่องกงค่ะ บรรลุเป้าหมายแล้ว ดีจริง อร่อยกรุบ แบบที่ทาร์ตไข่เคเอฟซีก็แทนไม่ได้
ความดีงามของที่นี่คือ การได้กินทาร์ตไข่ฮ่องกงค่ะ บรรลุเป้าหมายแล้ว ดีจริง อร่อยกรุบ แบบที่ทาร์ตไข่เคเอฟซีก็แทนไม่ได้

สิ่งที่ดีต่อใจเราสองคนสุดๆ คือนี่ค่ะ
Gong Cha :
เห็นร้านแล้วแบบพุ่งตัวเข้าไปเลยยยยย ที่สุดของชา เสียใจที่ในไทยยกเลิกกิจการไปแล้ว
.
ย่าน Yau Ma Tei
ที่พักของพวกเราอยู่ย่านนี้ คือเราหาที่พักผ่าน App Airbnb ก็ถือว่าโอเคเลย วันที่มาวันแรก กว่าจะหาที่พักเจอนี่เล่นเอาซะเหนื่อย ด้วยความมั่น จึงนั่งรถบัสจากสนามบินเข้าเมือง และคือ ลงผิดป้าย จ้าาาา อิควัยยยยย เดินลากกระเป๋าเป็นกิโลท่ามกลางสายฝนนาจาาา ซึ่งจริงๆแล้วคือที่พักไม่ได้เดินทางลำบากเลยทั้งใกล้ป้ายรถเมล์ ใกล้ MRT ด้วยความโง่ล้วนๆ ไม่มีอย่างอื่นผสม
ส่วนใหญ่ย่านนี้จะเป็นร้านขายเครื่องครัว หม้อไห กะทะ ตู้แช่ เครื่องใช้ไฟฟ้า แม้ว่าย่านนี้จะไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวหรือแหล่งช้อปปิ้งดังแต่ก็มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่นะ
Broadway Cinematheque :
อันนี้อยู่ใกล้ที่พักมาก ใครจะเชื่อว่าท่ามกลางร้านขายเครื่องครัวจะมีความอาร์ตซ่อนอยู่ โรงหนังอินดี้!!





ตอนที่ไปป้ายโปสเตอร์ กงยู โอปป้า โดดเด่นเป็นสง่ามาก เพราะหนังเรื่อง Train To Busan กำลังเข้าฉายเลย โปรโมตหนักมาก เดินในสถานีรถไฟฟ้า เห็นโปสเตอร์หนังเยอะมากๆ
นี่มีความชอบกระเบื้องขาวๆ แบบนี้เป็นการส่วนตัว แบบต้องถ่ายรูปกับอิกระเบื้องนี้


ฮ่องกงเกี้ยน ที่เดินผ่านตอนเรากำลังถ่ายรูป อารมณ์แบบ มึงถ่ายรูปกันทำไม คือว้อท มันก็แต่กำแพงธรรมดาๆ อะมึ้งงง 55
MIDO Cafe :
ร้านนี้ถือเป็นร้านขึ้นชื่อร้านหนึ่งของย่านนี้เลย






ท่าประจำ คือ ต้องถ่ายรูปตอนข้ามถนน
ร้านขายอาหารอีกร้านที่อยู่ตรงข้ามที่พักเลย จำชื่อร้านไม่ได้ด้วย ทั้งที่เห็นทุกวันเดินผ่านทุกวันที่อยู่ฮ่องกง มองจากหน้าต่างห้องพักเห็นทุกวัน มีคนเข้าออกตลอดๆ เลยลองทานสักมือ

ก็เป็นร้านอาหารเช้าแบบฮ่องกงผสมอเมริกันเบรคฟาส

ตอนไปตรงกับช่วงแข่งโอลิมปิค RioGames พอดี
.
ย่าน Yau Ma Tei
ที่พักของพวกเราอยู่ย่านนี้ คือเราหาที่พักผ่าน App Airbnb ก็ถือว่าโอเคเลย วันที่มาวันแรก กว่าจะหาที่พักเจอนี่เล่นเอาซะเหนื่อย ด้วยความมั่น จึงนั่งรถบัสจากสนามบินเข้าเมือง และคือ ลงผิดป้าย จ้าาาา อิควัยยยยย เดินลากกระเป๋าเป็นกิโลท่ามกลางสายฝนนาจาาา ซึ่งจริงๆแล้วคือที่พักไม่ได้เดินทางลำบากเลยทั้งใกล้ป้ายรถเมล์ ใกล้ MRT ด้วยความโง่ล้วนๆ ไม่มีอย่างอื่นผสม
ส่วนใหญ่ย่านนี้จะเป็นร้านขายเครื่องครัว หม้อไห กะทะ ตู้แช่ เครื่องใช้ไฟฟ้า แม้ว่าย่านนี้จะไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวหรือแหล่งช้อปปิ้งดังแต่ก็มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่นะ
Broadway Cinematheque :
อันนี้อยู่ใกล้ที่พักมาก ใครจะเชื่อว่าท่ามกลางร้านขายเครื่องครัวจะมีความอาร์ตซ่อนอยู่ โรงหนังอินดี้!!





ตอนที่ไปป้ายโปสเตอร์ กงยู โอปป้า โดดเด่นเป็นสง่ามาก เพราะหนังเรื่อง Train To Busan กำลังเข้าฉายเลย โปรโมตหนักมาก เดินในสถานีรถไฟฟ้า เห็นโปสเตอร์หนังเยอะมากๆ
นี่มีความชอบกระเบื้องขาวๆ แบบนี้เป็นการส่วนตัว แบบต้องถ่ายรูปกับอิกระเบื้องนี้


ฮ่องกงเกี้ยน ที่เดินผ่านตอนเรากำลังถ่ายรูป อารมณ์แบบ มึงถ่ายรูปกันทำไม คือว้อท มันก็แต่กำแพงธรรมดาๆ อะมึ้งงง 55
MIDO Cafe :
ร้านนี้ถือเป็นร้านขึ้นชื่อร้านหนึ่งของย่านนี้เลย



เป็นคาเฟ่ที่มีความหว่องกาไว หนังฮ่องกงเก่าๆมาก คลาสสิคสุด




พอยนางดูรูปเมนูนี้จากรีวิว เป็นข้าวผัดอบหมู แล้วโปะด้วยซอยมะเขือเทศ คำพูดที่นางเปล่งออกมาคือ กุจะไม่สั่งเมนูนี้เด็ดขาด แต่พอนางเหลือบตาอ่านคำคอมเม้นท์ เค้าบอกว่าเมนูนี้อร่อย เด็ด กินซ้ำแน่นอนงี้
นางเลยเปลี่ยนใจสั่งเมนูนี้มากินทันทีค่าาา แต่กินแล้วก็เฉยๆ อะ ไม่ได้ ว้าว ขนาดนั้น

ท่าประจำ คือ ต้องถ่ายรูปตอนข้ามถนน
ร้านขายอาหารอีกร้านที่อยู่ตรงข้ามที่พักเลย จำชื่อร้านไม่ได้ด้วย ทั้งที่เห็นทุกวันเดินผ่านทุกวันที่อยู่ฮ่องกง มองจากหน้าต่างห้องพักเห็นทุกวัน มีคนเข้าออกตลอดๆ เลยลองทานสักมือ

ก็เป็นร้านอาหารเช้าแบบฮ่องกงผสมอเมริกันเบรคฟาส

ตอนไปตรงกับช่วงแข่งโอลิมปิค RioGames พอดี

ตึกตรงข้ามกับห้องพัก ฮ่องโกงงง ฮ่องกง คือบางห้องนี่มองไปเห็นตากกางเกงในกันให้พรึบพับ ไม่ได้ตั้งใจสังเกตุนะ แต่มันตากแบบโฉ่งฉ่างมากอะ สะดุดตา 5555


เพื่อนเรายังโสดนะคะ จีบได้ อยู่ง่าย กินง่าย จิตใจดี มีเมตตา

ชอบแท็กซี่ที่นี่อะ ดูมีอัตลักษณ์เป็นของตัวเอง มีร้อยคันก็ดูเป็นรุ่นเดียว แบบเดียว สีเดียวกันหมด
ร้านก๋วยเตี๋ยวใกล้ๆที่พัก ชื่อร้านอะไรก็ไม่รู้ คือคิดไรไม่ออกว่าจะกินอะไร ก็มาจบที่ร้านนี้



ที่นี่ต้องกินโค้กกับมะนาวนะ สดชื่นนนนนน
มาฮ่องกง แต่เข้าร้านอาหารไต้หวันคือร่ะะะะะะ แต่เกี๊ยวกับชานม ชาไต้หวันนี่อร่อยจริง ยอมรับ อยากจะไปกินแบบออริจินัลที่ไต้หวันจริงๆ
แอบถ่ายรูปเด็กฮ่องกงเกี้ยนมา 1 อัตรา


ซูมสุดที่กล้องจะซูมได้แล้วเนี้ยะ 555 เอาตรงๆ สายตาอิผู้หญิงสองคนนี้จะกวาดสายตามองหาผู้หล่อๆ โดยเฉพาะในรถไฟฟ้า ถ้าแอบถ่ายรูปคนหล่อทุกคนที่เจอ เมม 100 GB ก็คงไม่พอ พอยแม้จะใส่คอนแทคเลนส์แล้วเจ็บตา นางก็ยอมเจ็บเพื่อจะได้มองเห็นผู้ชายหล่อ ทุ่มเทสุด เพราะ #พื้นเพเป็นคนชอบคนหล่อค่ะ รู้เลยนะคะว่า ทำไมถึงนั่งรถไฟฟ้าเลยสถานี 555
ตอนกลางคืนถนนจะกลายเป็นตลาดนัดเล็กๆ

ร้านอาหารส่วนใหญ่แถวๆนี้ก็จะเปิดตอนกลางคืนกัน ตอนกลางวันนี่เงียบเชียบ...
.
ย่าน Hongkong University
ตั้งใจมาร้านคาเฟ่อย่างเดียวเลยจริงๆ นักศึกษาอะไร เด็กๆ มหาลัยอะไรก็แทบไม่มีให้เห็นสักคน ผิดหวังมากกก

ETHOS Cafe :
ร้านที่มาตามรีวิวอีกเช่นเคยยยยยยยยย






.
Disney Land
ปลุกความเป็นเด็กในตัวคุณกันค่ะ


ดูจากสีหน้าก็รู้ว่า มีความตื่นเต้นมากๆ เฮ...

มาถึงปุ๊ปก็แบบ เราต้องมีเครื่องหัว เราต้องอินค่ะ จัดกันไปคนละหนึ่ง
ด้วยความที่ฝนตกพร่ำๆ ชะนีสองคนก็แบบว่า เราต้องซื้อเสื้อกันฝน ใส่กันมุ้งมิ้งๆ ละเป็นไงคะ ใส่ได้แค่ 2 นาที ทนไม่ไหว มันร้อนอบอ้าวมาก ใส่แล้วเหนียวตัวไปอีก คุ้มมั้ยคะ กับเสื้อกันฝนตัวละ 60 เหรียญ
พร้อมมาก พร้อมลุยทุกเครื่องเล่นแล้ว

เราเตรียมตัวมาดี ยาดมคนละแท่ง โป๊ยเซียนก็มา เซียงเพียวอิ้วก็มา




คือพอย นางเลือกนั่งม้าหมุนที่ไม่สมกับตัวนางอะ กลายเป็นขี่ม้าแคระไปอีก 55555


SHE CAME FROM THE STAR !
ตอนนั่งเครื่องเล่น Hyperspace Mountain ซึ่งเป็นเครื่องเล่นที่หวาดเสียวที่สุดในดิสนีย์แลนด์แล้ว ขณะที่รถไฟกำลังค่อยๆแล่นออกตัว อิพอยก็พูดขึ้นมาว่า มึงๆ นึงถึงเรื่องไฟนอล เดสิเนชั่นมั้ย นี่ก็แบบ ...
อิเพื่อนเวฬ เลวมากก จิตใจมึงทำด้วยอะไรคะะะ

นี่คือผลกรรมที่นางทำไว้กับเราค่ะ snap รูปตอนกำลังเล่นเครื่องเล่นออกมา นี่รีบหยิบมือถือมาถ่ายไว้เลย 5555555555555 บุญของเรา ที่ snap รูปมาไม่ติดเราด้วย



พอย เธออยู่ท่ามกลางคนมีคู่ นับถือใจเเธอจริงๆค่ะ 555

อิเครื่องเล่นนี้ ทำเกือบจะขาดใจตายกลางอากาศ วูบที่ท้องมากกกกกกก



แน่นอนว่าไฮไลท์ที่สุดของที่นี้คือขบวนพาเหรดและพลุยามค่ำคืน อลังการสมความเป็นดิสนีย์จริงๆ ขนาดโตแล้วก็ยังตื่นเต้นจริงๆ




สภาพตอนกลับ คือหมดสภาพมากกกก
ต่อแถวเพื่อเล่น 2 ชั่วโมง เพื่อเล่น 2 นาที ต่อนานไม่เท่าไหร่ แต่เบื่อความเป็นจีนมากกกกก (ฮ่องกงไม่ใช่จีน นี่หมายถึงคนจีนแผ่นดินใหญ่ที่มาฮ่องกง) เข้าใจนะว่าประชากรเค้ามีความหลากหลายทางชีวภาพมาก แต่ก็ไม่โอเค บางคนก็พูดเสียงดังข้ามหัวไปข้ามหัวมา พยายามจะแซงคิวให้ได้ ขนรักแร้นี่ก็ถอนหรือโกนมั้งก็ได้มั้งคะเจ้ เห็นแล้วยอมใจเหลือเกิน
.
ย่าน WanChai
เดินขึ้นเขากันอีกแล้วค่ะ ย่านนี้ก็อารมณ์คล้ายๆ กับย่าน Sheungwan


ขอให้รู้ไว้เลยว่า ท่าโพสนี้ไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วยนะคะ อินเนอร์ล้วนๆ



MONOCLE :
ที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก 55 มาแค่หน้าร้านนะ ไม่ได้เข้าไป ดูข้างนอกน่าจะต่างกับที่สิงคโปร์นะ เหมือนจะเป็นร้านขายของแบบ select shop อย่างเดียวไม่ได้เป็นคาเฟ่



JOUER Cafe :





BLUE Door :
คือเป็นที่สอนโยคะ งงมากๆ ตรงที่คนญี่ปุ่นมาถ่ายรูปตรงหน้าร้านนี้อยู่นั้น กรุ๊ปแรกผ่านไป กรุ๊ปที่สองสามสี่ก็ตามมาถ่ายเรื่อยๆ แล้วคือไม่ได้ถ่ายรูปหน้าร้านเฉยๆแบบรูปนี้นะ ยืนแอคท่ากันหลายร้อยแอค เหมือนถ่ายแฟชั่นลงปกนิตยสารกันเลยทีเดียว
เราก็ขอถ่ายบ้าง ที่งงคนญี่ปุ่นเมื่อกี้ขอให้ลืมๆไปเนาะ 5555555





Joyhing Roasted Meat :
ร้านข้าวหมูแดง เป็ดย่างที่คนไทยชอบมากินมากๆๆๆ ทันทีที่ย่างก้าวเข้ามาในร้าน พนักงานก็แทบจะพูดภาษาไทยใส่เลย หมูๆ เป็ดๆ อร่อยยยย งี้ ความเป็นไทยที่หน้ามันชัดมากขนาดนั้นเลยเหรอ 5555 สั่งกันเป็นภาษาไทยกันได้เลยค่ะ



Maxim's Cake Lab : Cheese Tart
ตอนนี้ร้านชีสทาร์ตก็มาเปิดที่ไทยกันให้ครึกโครม ไม่ต้องถ่อมากินไกลถึงฮ่องกงแล้ว

.
ย่าน Tsim Sha Tsui
Victoria Harbour :
จุดชมวิวที่คนมาฮ่องกงต้องมา ตอนกลางคืนก็จะมีแสงสีจากเกาะฮ่องกงแบบเฟี้ยวฟ้าว ฝั่งตรงข้ามก็คือเกาะฮ่องกงนั้นเอง













คือเรามีความพยายามจะหา Apple Store ที่เป็นตึกแบบสะพานกลางถนน หาตั้งแต่ Cuaseway Bay จนมาถึง Tsim Sa Tsui พอยก็ช่วยเปิดแมพหาแล้วหาอีก ก็ยังหาไม่เจอ ยอมแพ้แล้วค่ะ แอมอะลูเซอร์ค่ะ


ร้านติ่มซำสักร้านอยู่ติดกับร้านโจ๊ก Hong Lee
Hung Lee :
โจ้กอร่อยมากกกกก เนื้อเนียนละมุนจนแทบหลั่งน้ำตา กินกับปาท่องโก๋มันช่างเข้ากั๋น เข้ากัน เอาไปเลย 10/10
สิ่งที่พร้อมที่สุดในการมาเที่ยวครั้งนี้คือ การใส่รองเท้าแบบคัพเพิ้ลๆ รองเท้าคู่ นี่ไปไหนด้วยกันบ่อยจนจะเป็นผัวเมียกันอยู่แล้วเนี้ยะ
ครั้งนี้เป็นการเที่ยวที่ได้ new experience หลายๆ อย่างจริงๆ ทั้งเรื่องไฟต์บินและเรื่องหลงทาง เดินผิดซอย นั่งรถไฟฟ้าเลยสถานีกันอยู่นั้น ที่เจ็บใจหนักคือผิดกับสถานีเดิมๆ และคิดดูว่าเวลาออกผิดสถานีที ไม่ได้เดินไปขึ้นฝั่งตรงข้ามได้แบบที่ไทยนะ เดินวนขึ้นลงกันไปอีก เดินไกลลืมแบบหายนะ การเที่ยวมันจะสนุกก็ตรงนี้แหละเนอะ 5555555555555555 /ในเลขห้ามีน้ำตาซ่อนอยู่














