ดู๊ ดุงงงงงง !!
หลังจากเรียนจบมหาลัย
เพื่อนๆก็ต่างแยกย้ายรับผิดชอบทำงานของตัวเอง
ก็ไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวเลย ประจวบเหมาะกับช่วงหยุดยาวปีใหม่พอดี
เห็นใครก็ไปเที่ยวกัน เราเลยอยากไปบ้าง
แต่ไม่รู้จะไปไหน เลยไปใกล้ๆ
เพราะไม่เคยไปค้างคืนตามลำพัง
ปกติไปกันเป็นกลุ่มใหญ่ ครั้งนี้วางแผนไปเที่ยวกับไกด์แค่ 2 คน
ตัดสินใจไป อุทยานแห่งชาติพุเตย จังหวัดสุพรรณบุรี
โทรไปจองเต้นกับอุทยานเรียบร้อย
ออกเดินทางเช้า มุ่งหน้าสู่พุเตย
พุเตยเคยมีเครื่องบินของสายการบินเลาด้าห์แอร์ตกที่ป่านี้
ผู้โดยสารทั้งลำเสียชีวิตหมดเลย
ซึ่งก็เป็นสถานที่ที่น่ากลัวอยู่ - -"

ไปกันแบบพึ่งแผนที่อย่างเดียว ไม่รู้ทางจริงๆ นี่พูดเลย
ขัยรถตามแผนที่อย่างเดียว
แต่เราก็มาถึงจนได้ เย้

ตอนขับเข้าอุทยานแรกก็เป็นถนนราดยาง
แต่เข้าไปในอุทยานแล้วเป็นทางลูกรังล้วนๆ
ความจริงอุทยานเข้าได้ 2 ทาง เป็นทางลูกรังล้วนๆ กับทางลาดยางแต่เข้าไปในอุทยานแล้วเป็นทางลูกรังล้วนๆ

แต่ด้วยความไม่รู้ไง มาทางลูกรังจ้า
พิสูจน์ความสามารถในการขับรถของไกด์กับความถึกของรถ 5555
ระหว่างทางไปจุดกางเต้นท์ที่เราจองไว้เรียบร้อยแล้ว
ก็มีจุดชมวิวตามทาง ดูแผนทีแล้วและวางแผนกันแล้ว
จุดแรกที่จะไปคือ ป่าสนสองใบ

ขับรถไปตามทางขึ้นเขาเรื่อย ๆ จนจะถึงป่าสนสองใบแล้ว
แต่ทางโหดมาก ทางชันและเป็นทางลูงรัง
รถไม่ได้แบบออฟโรด เลยขึ้นไม่ไหว จะเดินขึ้นก็ไกลเกิน เลยหยุดเท่านี้
สรุปไปไม่ถึงป่าสนสองใบ เสียใจ

ดูแค่จุดชมวิวตรงนี้พอ ไม่ปงไม่ไปมันล่ะอิป่าสนสองใบ ชิ

มาที่จุดกางเต้นท์ นี่พอดีว่าจองเต้นท์กับอุทยาน
เจ้าหน้าที่มาจองเต้นให้เรียบร้อย ไม่ต้องกางเอง
ในเต้นมีหมอน ถุงนอนให้คนละ 1 ชุด
ส่วนของกินต้องเตรียมกันมาเอง
มากัน 2 คน จะเตรียมของกินมาทำเยอะแยะวุ่นวายก็คงไม่ใช่
มื้อเย็นเลยกินแค่แซนวิชและนมคนละกล่องพอ
มีห้องน้ำทำอย่างดี น้ำเย็นมาก
.
เช้าวันที่สอง
เตรียมตัวออกเดินทางไปหมู่บ้านตะเพินคี่

ทางก็ยังคงเป็นทางลูกรังอย่างเดิม
และมีแค่ถนนเส้นเดียวที่สามารถไปได้

ระหว่างทางก็แวะชุดชมวิวตามทาง
มากัน 2 คน รูปนี่ก็ผลัดกันถ่าย 555
กว่าจะหาน้ำตกตะเพินคี่น้อยเจอ
คือแบบไม่มีป้ายอะไรบอกทางเลย ต้องถามชาวบ้านแถวนั้นเอา
และถามชาวบ้านก็งงขั้นสิบ คือเค้าพูด ภาษากะเหรี่ยง
เอาไงดี งมทางกันไปข่าาาาาาา
ขับรถวน อยู่นาน จนจะถอดใจไม่ไปล่ะ

มาถึงแล้วนะน้ำตกตะเพินคี่

แถวนี้เป็นภูเขาข้าวโพด เป็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ชาวบ้านปลูกไว้
.
.
ขับรถลุยทางลูกรังไปยอดเขาเทวดากันต่อ


ต้องจอดรถไว้และเดินเท้าขึ้นเขาต่อ
ซึ่ง เดินขึ้นเขาไกลมากและอย่างเหนื่อย
ป้ายบอกว่าทางเดินขึ้น 500 เมตร แต่มันเดินขึ้นเขานะคะนะ
ป้ายบอกว่าทางเดินขึ้น 500 เมตร แต่มันเดินขึ้นเขานะคะนะ
เดินบ่นตลอดทางเมื่อไหร่จะถึงเนี้ยะ !!!
ในที่สุดก็มาถึง ยอดเขาเทวดา
สูงสุดในแผ่นดินสุพรรณ

นี่ภูมิใจที่เดินมาถึงจุดนี้โดยไม่เป็นลมซะก่อน 555
.
.
.
ลงจากเขาก็เดินทางกลับบ้านโลดดดดดด

ครั้งนี้เป็นการไปเที่ยวกับไกด์สองคนครั้งแรก
พ่อแม่ไว้ใจให้ไปกันเองได้ เห็นว่าโตแล้ว
:) :)